***ความเรียงพิเศษเนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕๖๔ เรื่อง " พระอรหันต์คือใคร?"
...ในหมู่ชาวพุทธเป็นที่ทราบกันดีว่าในวันมาฆบูชา เป็นวันที่มีพระอรหันต์จำนวน ๑,๒๕๐รูป เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดพระเวฬุวัน โดยไม่ได้นัดหมายกัน พระอรหันต์ทั้งหมดนี้ได้รับอุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้เอง) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ ตามที่เหล่าชาวพุทธทั้งหลายได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างนั้น
...มีคำถามอยู่ว่า แล้วบุคคลเช่นใดถึงพอจะเรียกได้ว่า "พระอรหันต์" เรื่องนี้มีหลายท่านได้ออกมาให้คำตอบ ทั้งพระสงฆ์,ภิกษุณี,อุบาสก,อุบาสิกา ทั้งหมดนั้นล้วนแต่ให้คำตอบกันไปต่างๆ นาๆ มีทั้งที่เป็นคำตอบที่เห็นพ้องต้องกัน และมีความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างมาก บางคนถึงกับดูหมิ่นผู้ที่จะพยายามหาคำตอบว่า "ดูสิช่างไม่เจียมตัว ริอ่านจะไปตอบแทนพระอรหันต์" เพราะพวกเขาเชื่อว่า "พระอรหันต์นั้นมีคุณธรรมสูงสุด" จะรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์หรือไม่นั้น บุคคลนั้นต้องมีคุณธรรมเทียบเท่ากันเท่านั้น
...แม้จนถึงปัจจุบันคำตอบของคำถามว่า "พระอรหันต์คือใคร" ก็ยังคงไม่ได้รับการอธิบายได้อย่างชัดแจ้ง ที่เรามีคำตอบอยู่ตอนนี้ก็มีเพียงในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ฏีกา อนุฏีกา และปกรณ์วิเสธ รวมไปถึงตำราทางพระพุทธศาสนาที่แต่งขึ้นในยุคหลังจำนวนมากมายเท่านั้น
...สรุปก็คือ เรามีเพียงแค่คัมภีร์หนังสือตำราที่เขียนขึ้นโดยผู้ที่อ้างว่า "รู้จักพระอรหันต์" เขียนเอาไว้เท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีใครเอาพระอรหันต์ออกมาแสดงให้เห็นสักที และถึงมีบ้างก็ถูกหาว่าเป็นพวก "อวดอุตริมนุษย์ธรรม" ไปเสีย ตกลงเราก็เลยไม่แน่ใจว่า "ใครเป็นพระอรหันต์" และถึงมีก็ไม่มีใครกล้าแสดงตน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า "พระอรหันต์คือใครกันแน่ เรื่องนี้ในสมัยพุทธกาลก็มีผู้ถามพระพุทธเจ้าเช่นกัน ในมหาปรินิพพานสูตร สุภัททปริพาชกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้กราบทูลว่า ในบรรดาครูทั้ง ๖ มีใครได้ตรัสรู้ตามปฏิญญาของตนๆ หรือใครไม่ได้ตรัสรู้บ้าง
...พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า "ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยใดไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ไม่มีสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ หรือสมณะที่ ๔ ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยนี้ มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนี้เท่านั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ(สมณะที่ ๑-๒-๓-๔ ที่ทรงแสดงนั้นก็ได้แก่ พระอริยสงฆ์ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์)
...พระพุทธองค์ทรงยกเอามรรคมีองค์ ๘ มาเป็นเกณฑ์อธิบายตอบข้อสงสัยของสุภัททปริพาชก แต่ก็ดูเหมือนว่า พระองค์จะตอบโดยย่อๆ เพื่อให้สุภัททะคลายความสงสัยเพื่อที่พระองค์จะได้แสดงธรรมอันเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ให้แก่สุภัททปริพาชกเสียมากกว่า ที่จะมุ่งอธิบายให้กระจ่างเกี่ยวกับสภาวะธรรมของพระอรหันต์ แต่ก็พอจะอนุมานเอาได้ว่า "พระอรหันต์ดำเนินชีวิตตามหลักมรรคมีองค์ ๘ "
...อาตมาคิดว่านอกจากพระสูตรนี้ยังมีคำตอบที่พระพุทธเจ้าทรงตอบเรื่องของพระอรหันต์ที่ชัดเจนมากกว่า คือ คำตอบที่ทรงให้แก่พราหมณ์ ที่ทรงถามพระองค์ว่าทรงเป็นใคร เรื่องมีอยู่ว่า
...ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จพุทธดำเนินทางไกล พรามณ์ผู้หนึ่งได้เดินทางไกลไปทางเดียวกับพระองค์ มองเห็นรูปจักรที่รอยพระบาทแล้วมีความอัศจรรย์ใจ ครั้นพระองค์เสด็จลงไปประทับนั่งที่โคนไม้ต้นหนึ่งข้างทาง พราหมณ์เดินตามรอยพระบาทมา มองเห็นพุทธลักษณาการที่ประทับนั่งสงบลึกซึ้งน่าเลื่อมใสยิ่งนัก จึงเข้าไปเฝ้าแล้วทูลถามว่า
"..ท่านผู้เจริญคงจักเป็นเทพเจ้า พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า ไม่ใช่ ทูลถามต่อไปว่า ท่านผู้เจริญคงจักเป็นคนธรรพ์ ยักษ์ หรือ เป็นมนุษย์ พระพุทธองค์ทรงปฎิเสธหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านผู้เจริญจะเป็นใครกันเล่า
..พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า " นี่แน่ะพราหมณ์ อาสวะเหล่าใดที่เมื่อยังละไม่ได้จะเป็นเหตุให้เราเป็นเทพเจ้า เป็นคนธรรพ์ เป็นยักษ์ เป็นมนุษย์ อาสวะเหล่านั้นเราละได้แล้ว ถอนรากเสียแล้ว หมดสิ้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกต่อไป เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก ซึ่งเกิดในนํ้า เจริญในนํ้า แต่ตั้งอยู่พ้นนํ้า ไม่ถูกนํ้าฉาบติด ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกันเกิดในโลก เติบโตขึ้นในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น นี่แน่ะพราหมณ์ จงถือว่าเราเป็น พุทธะ เถิด..."
...ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า "คำตอบที่พระพุทธองค์ทรงแสดง เป็นการอธิบายผ่านสภาวะของพระองค์เอง เพราะพระองค์เป็นพระอรหันต์ และยังเป็นพระอรหันต์ที่เราเชื่อว่าสูงสุดยิ่งกว่าพระอรหันต์องค์ใดๆ ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาอีกด้วย
...ดังนั้นเราจึงได้ทราบถึงสภาวะของ "พระอรหันต์ในทรรศนะของพระพุทธองค์ว่า " บุคคลที่จะเป็นพระอรหันต์ได้นั้นคือ มิใช่มนุษย์ทั่วๆไป แต่เป็นมนุษย์ที่ละอาสวะสิ้นแล้ว ดังที่ทรงยกอุปมาอุปมัยว่า แม้จะทรงเกิดมามีลักษณะทางกายภาพเช่นเดียวกับมนุษย์แต่ ก็ดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ดังที่ทรงตรัสว่า แม้จะทรงเกิดในโลกขึ้นมาแล้วก็เจริญเติบโตในโลก แต่ในขณะที่พระองค์ทรงมีชีวิตอยู่ การดำเนินชีวิตของพระองค์ก็เป็นการกระทำที่อยู่เหนือการดำเนินชีวิตแบบโลกิยวิสัย เป็นมนุษย์ที่ไม่เป็นทุกข์เพราะโลกธรรม ไม่หลงไหลไปกับความสุขหรือความทุกข์แบบชาวโลก ซึ่งก็คือการอยู่เหนือโลก นั่นเอง
...คำตอบนี้อาตมาคิดว่าเป็นคำตอบของคำถามว่า พระอรหันต์คือใครและดำเนินชีวิตไปอย่างไร ได้ชัดเจนที่สุดแล้วครับ . ( ด๊อกเตอร์ถังขยะ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น