..บทความพิเศษ.เนื่องในวันคล้ายวันเกิดวันที่ 2 พ.ค. 2565
...ฉันคงไม่กล้าที่จะบอกว่ารู้จักชีวิตดีแล้ว แต่พอจะพูดได้ว่า " ชีวิตนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของอาตมาภาพ เป็นจุดกำเนิดเกิดขึ้นแห่งดวงจิตที่จะล่องลอยเดินทางไกลในสังสารวัฏ อันยาวไกล แม้ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าในระหว่างทางทั้งชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป เราจะเจอกับอะไร จะเกิดเป็นอะไร ดีขึ้นหรือไม่? (ซึ่งไม่มีใครที่จะรู้ล่วงหน้า) แต่อย่างน้อยก็พอใจแล้วกับการออกตัวที่จุดสตาร์ทนี้
…ชีวิตเป็นเพียงมายาการของจิต หรือชีวิตเป็นจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า หรือมันก็แค่การเคลื่อนไปของอนุภาค ๆ หนึ่ง ๆ ในจักรวาล ความลับของชีวิตยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนตามหากันจนกระทั่งทุกวันนี้
…ฉันเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง เกิดมาก็ร้องไห้เสียงดัง เป็นการร้องบอกคนอื่นว่า บัดนี้ฉันเกิดมาแล้ว ฉันในวัยเด็กก็ไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่เข้าใจชีวิต ความสนุกสนานที่ได้รับจากการเล่นกับเพื่อน มันปิดบังความจริงบางอย่างเอาไว้มิดชิด จนในวันนี้เด็กคนเดิมได้รู้แน่ชัดแล้วว่า " ชีวิตกำลังเดินไปสู่บางสิ่งและไม่มีทางหลีกเลี่ยงมันได้" ฉันจึงตั้งคำถามกับตนเองว่า " ชีวิตที่ดีควรเป็นอย่างไร" จากนั้นจึงเริ่มแสวงหาคำตอบให้กับตนเอง" ฉันบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วจะพบคำตอบนั้นหรือไม่ ฉันเขียนเรื่องราวสั้นๆ เอาไว้เมื่อปีที่แล้ว เรื่อง"ฉันเกิดมาเป็นมนุษย์ธรรมดา" ข้อความว่า " สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันเกิดคงมิใช่การเฉลิมฉลองสนุกสนาน เพราะฉันไม่อาจทำได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือ " การได้อยู่เงียบๆ แล้วทบทวนตนเอง ว่าที่ผ่านมาเราทำตัวได้สมกับการเกิดมาบนโลกนี้แล้วหรือยัง เพื่อจะกำหนดทิศทางในอนาคตว่าควรแก้ไขปรับปรุงหรือเดินหน้าในเรื่องใดบ้าง" ฉันมักตั้งคำถามว่าการย้อนกลับไปมองอดีตและมองล่วงไปในอนาคต จะทำให้เราใช้ชีวิตจริงๆ ได้อย่างไร? และมักจะได้คำตอบสำหรับทุกปัญหาเสมอๆ"
"วันนี้เป็นวันเกิด ก็เปรียบการเกิดของรูปนี้เหมือนดอกบัวดอกหนึ่ง ชีวิตที่ผ่านมาเริ่มต้นจากความมืดบอดทางวิญญาณความไม่รู้ในความจริงของโลกและชีวิต ต่อมาเมื่อต้นบัวได้รับอาหารจากโคลนตมนั้นเองก็ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นบัวตูม เหมือนกับชีวิตในระยะปานกลาง ที่ได้รับความรักความอบอุ่น ความเอื้ออาทรจากครอบครัว คนรอบข้างและเพื่อนมนุษย์ และค่อยๆ โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้รอดพ้นจากหอย ปลาและเต่ามากัดกินเป็นอาหารสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองมากขึ้น และเมื่อดอกบัวตูมต้องแสงพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณก็ ผลิดอกบานสะพรั่ง สวยงาม ให้ทั้งหมู่แมลงและผู้คนได้ชื่นชม ก็เหมือนกับชีวิตในระยะสุดท้ายที่สั่งสมภูมิปัญญามาอย่างเต็มที่ พรั่งพร้อมด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิ และประสบการณ์ ทั้งการเรียนและการทำงาน สามารถที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่ผู้อื่นได้อย่างเต็มที่
…แต่อีกไม่นานฉันก็จะพ้นวัยนี้ไป แล้วดอกบัวที่เคยเบ่งบานงดงาม ก็จะค่อยๆ เหี่ยวเฉา ร่วงโรยรา หมดความงามภายนอกไปคงเหลือทิ้งไว้เพียงแต่เรื่องเล่าในอดีตกาลอันนานไกล ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเท่านั้น..ท้ายที่สุดแมลงที่เคยมาตอม ผู้คนที่เคยมาชม ก็จะลืมไปว่าครั้งหนึ่งดอกบัวดอกนี้เคยเกิดขึ้นมาบนโลก...เปรียบเหมือนวัยแก่เฒ่าชราภาพมาเยือน ความจำเลอะเลือน ทำประโยชน์ให้แก่ใครไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็ล้มหายตายจากไปเอง
..วันเกิดปีนี้มีความหมายสื่อให้เห็นถึงอะไรอะไรอีกมากมายนัก หากเรามองย้อนกลับมาดูตนเอง ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาแล้วไซร้ เราก็จะพบคุณค่าของวันเกิด ซึ่งมิใช่เป็นเรื่องที่มีไว้เพื่อเฉลิมฉลองอะไรเลย แต่มีไว้เพื่อให้เราคิดทบทวนตนเอง ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดมานั้น เราได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับโลกและชีวิตบ้าง แล้วเราจะทำอะไรต่อไป "
****ขอบคุณ และขออนุโมทนากับทุกท่านทั้งที่อยูรในประเทศไทยรวมถึงในต่างประเทศ ที่ส่งข้อความแสดงถึงความปราถนาดีของท่านเนื่องใน "วันเกิด" ของอาตมาภาพ ปีนี้อายุครบ 51 ปี พรรษา 12 มีอะไรผ่านมาและผ่านไปมากอาจจะเล่ากันไม่จบ
…ท้ายที่สุดนี้ อาตมาภาพขออุทิศบุญกุศลทุกอย่างที่ทำมาแล้วตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันให้แก่คุณตา คุณยาย คุณพ่อ-คุณแม่บังเกิดเกล้า และญาติพี่น้อง มิตรสหายทุกคนไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ แห่งหนภพภูมิใดก็ขอให้ทราบและได้รับบุญกุศลที่อาตมาได้กระทำบำเพ็ญส่งไปให้นี้ด้วยเทอญ.
( พระสมุห์อดิเรก อาทจฺจพโล,ดร. )