ทาสยุคใหม่
โดย อ.อาทิจฺจพโลภิกขุ
...วันนี้เป็นวันที่คนไทยรู้จักกันดีคือ “วันเลิกทาส” ตั้งแต่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417 และห้ามมีการซื้อขายทาสอีกในประเทศไทย
...ทาส หมายถึง บุคคลซึ่งถูกนับสิทธิเสมือนสิ่งของของผู้อื่น ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต และมีหน้าที่รับใช้ผู้อื่นโดยมิได้รับการตอบแทนจากเจ้าของ (นายทาส) เช่น การรับใช้ทางด้านแรงงาน
...แต่ดั้งเดิมนั้นประเทศไทยมีพลเมืองที่เป็นชนชั้นทาสมากกว่า 30% ของพลเมืองทั้งประเทศ เนื่องจากการได้รับวรรณะทาสนั้นจะถูกสืบจากสายเลือด หากพ่อแม่เป็นทาส ลูกก็จะเป็นทาสด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับระบบวรรณะของศาสนาพราหมณ์ ที่สืบทอดทางสายเลือดเช่นกัน
..วันนี้เราอาจเห็นว่าระบบทาสและระบบวรรณะดั้งเดิมจะกลายเป็นแนวคิดที่ล้าหลังและไม่สอดคล้องกับยุคสมัยไปแล้ว เพราะโลกก้าวเข้าสู่ยุคโลกแห่งเสรีภาพ แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วมันเพียงเปลี่ยนสถานะจากระบบทาสแบบวรรณะ จนกลายมาเป็นทาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้เขียนเรียกระบบนี้ว่า "ทาสยุคใหม่"
...ระบบทาสยุคใหม่ เริ่มต้นจากชนชั้นนายทุน กับชนชั้นกรรมาชีพ คาล มาร์ก เป็นคนแรกที่มองเห็นปัญหาทาสยุคใหม่ได้อย่างชัดเจนที่สุด จากคำแถลงการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ตอนหนึ่งเขา กล่าวว่า
"..ประวัติศาสตร์ของมนุษย์เป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้น โดยนับต้องแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน เช่น ทาสกับนาย ไพร่กับผู้ดี นายจ้างกับลูกจ้าง โดยจะมีคนนึงเป็นผู้ข่มเหง และอีกคนหนึ่งเป็นผู้ถูกข่มเหงเสมอ
....ในโลกปัจจุบันได้เกิดชนชั้นใหม่ที่มีบทบาทในสังคมมาก คือนายทุน นายทุนเอาเปรียบชนชั้นแรงงานทุกวิถีทาง อำนาจของนายทุนคืออำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยผู้ปกครองก็อยู่ภายใต้อิทธิพลนายทุนด้วย
...พวกนายทุนทั้งหลายมักเรียกร้องเสรีภาพ เช่น การค้าขายอย่างเสรี การแข่งขันเสรี แต่แท้จริงแล้วเป็นการเรียกร้องให้ตัวเองเอาเปรียบผู้อื่น
...นายทุนเป็นพวกไร้ศีลธรรม มองเห็นความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเพียงการสะสมเงินทอง ส่วนคุณค่าทางจิตใจ ความเมตตาปรานีหรือมนุษยธรรมแทบจะไม่มีอยู่ในสำนึกของนายทุน
...นี่คือระบบ "ทาสยุคใหม่" ที่กำลังแผ่ขยายความยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เลิกระบบทาสแบบเก่าได้หมดสิ้น แต่หลังจบเสียงไชโย ทุกคนก็ต้องกลับมาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบบทาสยุคใหม่ ที่อาจไร้หนทางที่จะเรียกร้องให้ยกเลิกระบบนี้ได้ และดูเหมือนว่า " หลายคนก็หลงดีใจไปกับการตกเป็นทาสชนิดนี้ และหลงไปว่าตนเองเป็นไท
23 ตุลาคม 2561