วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

บทความเรื่อง "การแสดงพระธรรมเทศนาในงานกฐินสามัคคีวัดพุทธนคราภิบาล ประจำปี ๒๕๖๐"


บทความเรื่อง การแสดงพระธรรมเทศนาเนื่องในงานกฐินสามัคคีวัดพุทธนคราภิบาล (ตอนที่ ๑)
..โดย พระอดิเรก. อาทิจฺจพโล พระธรรมทูต สาย ๖ 
...หลังจากเข้าพรรษาแล้ว ก็เป็นการจัดเตรียมเรื่องงานกฐินสามัคคี หลายวัดก็มีกฐินสามัคคีด้วยกันทั้งนั้น วัดพุทธนคราภิบาล ต.น้ำเที่ยง อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดมุกดาหาร ก่อตั้งขึ้นมานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว มีเจ้าอาวาสวัดดำรงตำแหน่งติดต่อกันมา ถึง ๖ ชั่วอายุคน ปัจจุบันเป็นรูปที่ ๖ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกขธาตุ ที่ประทานมาไว้โดย "สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก" และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ถวายเทียนพรรษาพระราชทาน จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัลยา สิริวัฒนาพรรณวดี ด้วย , นอกจากนี้วัดพุทธนคราภิบาล ยังเป็นศูนย์การบริหารกิจการคณะสงฆ์ในอำเภอคำชะอี เพราะเป็นที่ตั้งของสำนักงานเจ้าคณะอำเภอคำชะอี, ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำอำเภอคำชะอี,ศูนย์ปฏิบัติการงานพระธรรมทูต อำเภอคำชะอี,ศูนย์ประสานงานพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน,หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล,อีกด้วย ซึ่งทำให้วัด กลายเป็นสถานที่สำคัญที่อำนวยประโยชน์ให้ทั้ง คณะสงฆ์และประชาชน อย่างแท้จริง
...ปัจจุบันวัดพุทธนคราภิบาลแห่งนี้ มีพระภิกษุจำพรรษาจำนวน ๕ รูป และสามเณรอีกจำนวน ๕ รูป โดยมีท่านพระครูวิมลฉันทกิจ ตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอคำชะอี เป็นเจ้าอาวาส ,และยังมีท่านพระครูสิทธิธรรมากร เจ้าคณะตำบลน้ำเที่ยง อยู่จำพรรษาที่นี่ด้วย
...จากความเป็นมาและความสำคัญของวัดพุทธนคราภิบาลแห่งนี้ ทำให้ทางวัดต้องมีการพัฒนาเสนาสนะ การบูรณะซ่อมแซมถาวรวัตถุ, รวมทั้งการที่เป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา,และสนองงานคณะสงฆ์,ทำให้วัดต้องจัดงานสำคัญๆ อยู่เสมอๆ ซึ่งทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของวัดเป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละเดือน ซึ่งปัจจัยที่ได้รับมาทั้งหมด ก็เกิดมาจากความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนทั่วไปเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง,การทนุบำรุง,การศึกษา,ฯลฯ แม้บางครั้งจะมีหน่วยงานราชการให้งบประมาณสนับสนุนแต่ก็เป็นเพียงจำนวนน้อยนิดไม่เพียงพอต่อความจำเป็น และส่วนใหญ่ก็จะมาในรูปแบบของงานที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็นับว่าได้ช่วยเหลือทางวัดได้ส่วนหนึ่ง
...เจ้าภาพกฐินท่านหนึ่งคือ คุณครูนบนอบ คนหาญ ได้มาบอกว่า "ท่านอยากให้มีการจัดงานกฐินในแบบที่ไม่ต้องเอิกเริกมากนัก ไม่อยากให้มีมหรสพที่เป็นดนตรี หมอลำฯลฯ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่คนไทยไว้ทุกข์ให้กับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ อยู่ เลยถามว่า "ท่านพระเลขาฯ จะมีไอเดียอย่างไร" อาตมาจึงแนะนำท่านว่า "ถ้าอย่างนั้นเราก็นิมนต์พระมาเทศน์ แต่เอาแบบที่มืออาชีพจริงๆ คือ ท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญในการแสดงพระธรรมเทศนาจริงๆ " ซึ่งเหตุผลที่แนะนำไปอย่างนี้ก็เพราะว่า " การแสดงพระธรรมเทศนา เป็นการนำเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาแสดงแทนพระองค์ ผู้แสดงจึงเปรียบเสมือนผู้แทนพระองค์ ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้นมีไม่กี่รูป ที่พระพุทธเจ้าทรงไว้วางพระทัยให้แสดงธรรมแทนพระองค์ อย่างเช่น พระสารีบุตร , พระมหากัสสปะ , หรือ พระมหากัจจายนะ เป็นต้น มิใช่ทรงให้ใครก็สามารถแสดงได้ คนผู้นั้นจะต้องมีความแตกฉานในปริยัติและปฏิบัติพอสมควรจริงๆ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า พระรูปอื่นๆ จะไม่มีความรู้หรือไม่มีความสามารถนะครับ
แต่เป็นเพราะว่า " เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรมเทศนา" นั่นเอง เพราะมีหลายครั้งที่เวลาเราไปฟังเทศน์แล้ว "ฟังไม่รู้เรื่อง" หรือ " ฟังรู้เรื่องแต่ไม่เข้าใจ ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง" ซึ่งจุดนี้นับว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจาก ผู้แสดง เป็นหลักนะครับ ส่วนผู้ฟัง หากผู้แสดง แสดงได้ชัดเจน ผู้ฟังยังไม่เข้าใจ อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์กันต่อไปว่า เป็นเพราะผู้ฟังไม่สนใจ หรือ สนใจแต่ไม่ใส่ใจ หรือเป็นที่ความผิดปกติของสมอง
...เล่าต่อไปอีกว่า " หลังจากที่ได้รับทราบความต้องการของโยมแม่นบนอบแล้ว อาตมาก็ไปอบรมพระนักเทศน์ที่ จังหวัดสุรินทร์ และเดินทางไปอบรมเป็นพระธรรมทูต ในระหว่างนั้น ก็มีครูบาอาจารย์ที่เป็นบรมครูสอนในระดับประเทศมาเป็นวิทยากรมากมาย หนึ่งในนั้น อาตมาก็พยายามค้นหาครูอาจารย์ที่จะมาเทศน์ในงานกฐินไปด้วย แล้วก็พบว่า ในจำนวนพระอาจารย์ทั้งหลายที่มาสอนการเทศน์ ผู้ที่โดดเด่นที่สุดในการแสดงธรรมคือ "พระโสภณธรรมวาที" ด้วยความเฉียบคมของวาจา ความหลักแหลมของปฏิภาณไหวพริบ และความรอบรู้ในกระบวนการเทศน์ และเมื่ออาตมาได้ไปพบท่านอีกครั้งที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่ทางกองงานพระธรรมทูต นิมนต์ท่านมาเป็นวิทยากรสอนเรื่องเทคนิคการเทศน์ จึงตัดสินใจเข้าไปกราบเรียนท่านว่า " ขอนามบัตรด้วยครับ จะกราบนิมนต์ไปเทศน์ที่มุกดาหาร "ท่านบอกว่า "ได้สิแล้วโทรมานะ" และก็กลับไปบอกข่าวนี้แก่โยมแม่นบนอบ เจ้าภาพกฐินสามัคคี ว่า " ได้ชื่อผู้ที่จะมาเทศน์แล้ว รอแต่กำหนดวัน เวลาทอดกฐินที่แน่นอนก่อน จึงจะกราบนิมนต์ถวายฎีกาเป็นงานเป็นการต่อไป คุณแม่นบนอบ ก็ได้ไปปรึกษาท่านพระครูวิมลฉันทกิจ เจ้าอาวาสถึงกำหนดการตั้งกองกฐิน และทอดถวายกฐินในปีนี้ ซึ่งท่านพระครูฯ ได้กำหนดไว้ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม และทอดถวายวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ เมื่อทราบวันเวลาชัดเจนแล้ว ก็ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังท่านพระโสภณธรรมวาที
..." ท่านพระโสภณธรรมวาที" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา กทม. ท่านตอบตกลงตามที่พระกราบนิมนต์ ทันที ผมบอกท่านว่า " ผมเป็นพระธรรมทูตรุ่นที่ ๕๓ ครับ จะขอกราบนิมนต์ไปแสดงธรรมตามที่เคยได้เกริ่นเอาไว้เมื่อตอนไปอบรมพระธรรมทูต" จากนั้นก็ชี้แจงวันเวลาและเส้นทางให้ท่านทราบ ท่านบอกว่าจะเดินทางไปที่วัดพุทธนคราภิบาล ในวันที่ ๒๑ ตอนเช้า และจะกลับในวันที่ ๒๒ ตอนเช้าเช่นกัน ผมจึงกราบเรียนท่านว่า " โยมเจ้าภาพกฐินสามัคคี ท่านให้กราบนิมนต์ท่านเจ้าคุณฯไปแสดงพระธรรมเทศนา " และจะถวายตั๋วเครื่องบินไปกลับให้ด้วย นะครับ " ท่านบอกว่า "กฐินพระราชทานของวัดท่านถวายวันที่ ๒๐ ตุลาคม พอดีเลย ซึ่งก็เป็นอันว่าเรื่อง "พระเทศน์ในงานกฐินปีนี้ ท่านเจ้าภาพจะได้ฟังจาก "พระโสภณธรรมวาที" (ต่อตอนต่อไป)

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ขอเชิญร่วมฟังการแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ “สุจริตธรรมกถา” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ วัดใกล้บ้าน....


...ขอเชิญร่วมฟังการแสดงพระธรรมเทศนา “สุจริตธรรมกถา” ป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา ในวันอาทิตย์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘)  ณ วัดต่างๆ ทั่วประเทศ....ใกล้บ้านท่าน


....ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๐ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือ ที่ ปช ๐๐๐๗/๐๐๑๑ ลงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ แจ้งว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดำเนินการจัดกิจกรรมการเทศน์ป้องกันการทุจริตตามโครงการป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ และประสานให้เกิดการปลูกจิตสำนึก ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และสร้างวินัยแก่ทุกภาคส่วน โดยใช้กลไกทางพระพุทธศาสนา เสริมสร้างทัศนคติค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริตบนพื้นฐานของการดำเนินชีวิตที่นำไปสู่การสร้างสังคมโปร่งใสตามแนวพระพุทธศาสนา โดยได้ดำเนินการผลิตกัณฑ์เทศน์ “สุจริตธรรมกถา” ซึ่งพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๒ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นผู้ประพันธ์กัณฑ์เทศน์ดังกล่าว โดยกำหนดจัดกิจกรรมในวันอาทิตย์ ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (ตรงกับวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘) ซึ่งอยู่ในช่วงเข้าพรรษา ประจำปี ๒๕๖๐ (วันที่ ๙ กรกฎาคม - ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐) และในโอกาสอื่นในวันเวลาที่วัดเห็นสมควร ทั้งนี้ ในการจัดส่งกัณฑ์เทศน์ “สุจริตธรรมกถา” ทางสำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการจัดส่งให้กับวัดทุกวัดทั่วประเทศก่อนเข้าพรรษา ในปี ๒๕๖๐ และขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณาให้วัดทุกวัดแสดงพระธรรมเทศนา กัณฑ์ “สุจริตธรรมกถา” พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้วัดทุกวัดแสดงพระธรรมเทศนา กัณฑ์ “สุจริตธรรมกถา”พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม

...สำหรับวัดทุกวัดที่ได้รับกัณฑ์เทศน์ "สุจริตธรรมกถา" ไปแล้วนั้น ขอให้จัดสถานที่สำหรับแสดงพระธรรมเทศนาและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมฟังการแสดงพระธรรมเทศนาดังกล่าวได้ตามวันและเวลาดังกล่าว 
สำหรับการแต่งกาย ควรเป็นชุดสุภาพ ดังนั้นจึงขอเชิญประชาชนทุกคน ร่วมในกิจกรรมดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

วิเคราะห์เชิงปรัชญา พระอัครสาวก

  พระธาตุพนม บรมเจดีย์                                                                                                                      ...